ทุก 4 ปีจะมีการแข่งขันระดับนานาชาติ ที่รวมหลายชนิดกีฬาและมีนักกีฬาจากทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขันมากที่สุด เรียกว่า “มหกรรมกีฬาโอลิมปิค” ประวัติศาสตร์ของกีฬาโอลิมปิคได้นำมาศึกษาเรียนรู้ในวิชาที่เรียกว่า “กระบวนการโอลิมปิค” (Olymypic Movement) ทำให้เห็นถึงวิวัฒนาการและจุดมุ่งหมายของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ยังถูกขนานนามอีกว่า เป็นกีฬาเพื่อมวลมนุษยชาติ
ทำให้ คนไทย มีความใฝ่ฝันอยากเห็น มวยไทย ไปร่วมทำการแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลบิมปิค เพราะกีฬามวยไทยเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย เป็นกีฬาสากลที่ได้รับความนิยมเล่นและรับชมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก
จากการที่ได้เข้าฟังเสวนาเวทีความคิด มวยไทยไปโอลิมปิค จัดโดย สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห้่งประเทศไทย และได้เชิญ อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ นำโดย นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อดีตกรรมการ กกท/บอร์ดมวย ประธานจัดงาน และ ดร.เลอภพ โสรัตน์ ผู้ดำเนินการจีดงาน โดยมี ดร.สันติภาพ เตชะวณิช อดีต ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย, ดร.มนตรี ไชยพันธุ์ อดีต รองผู้ว่า กกท, ผศ.ดร.อิษฎี กุฎอินทร์ ประธานหลักสูตร ป.เอก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ,รศ.ดร.ไพบูลย์ ศรีชัยสวัสดิ มาเสวนาระดมความคิดเห็น
ทำให้กระจ่างแจ้งว่า มวยไทยไปโอลิมปิค “ได้จริง” ถ้าเข้าใจ เผยแพ่วิธีการ รูปแบบ กระบวนการ กรรมวิธี การนำเสนอ การบริหารจัดการ บทบาท หน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน แผนการปฎิบัติทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ที่สำคัญยังต้องสามารถถ่ายทอดให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน รวมถึง คนไทยทุกคน ให้เข้าใจว่า การผลักดันมวยไทยไปโอลิมปิคนั้น ยังมีข้อได้เปรียบ ข้อเสียเปรียบ โอกาส อุปสรรค ก่อนที่กีฬามวยไทยจะผ่านกระบวนการอนุมัติจากคณะกรรมการโอลิมปิค (IOC) ท่ามกลางคู่แข่งชนิดกีฬาอื่น จากหลายประเทศ ต่างส่งเข้าประกวดและผลักดันให้เข้าสู่โอลิมปิคเช่นกัน
ร่วมเป็นหนึ่งกำลังใจและขอบคุณ ผู้เสียสละ และทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ที่ยังคงขับเคลื่อนมวยไทยไปโอลิมปิค มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนไทย มีความหวังว่า มวยไทยจะเข้าสู่การแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิค ได้สำเร็จ