สุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ เปิดตัวทีมงานพร้อมโชว์วิสัยทัศน์ ชิงตำแหน่งประธานโอลิมปิคฯ ยันพร้อมเข้ามาทำงานเพื่อวงการกีฬาไทย ไม่หวังผลประโยชน์แอบแฝง และอยู่ในวงการกีฬามา 20 ปี เข้าใจและทราบถึงปัญหาที่เกิดเป็นอย่างดี เผยมีแนวคิดหาเงินปีละ 100-200 ล้านบาทจากเอกชน เป็นกองทุนช่วยสมาคมกีฬาต่าง ๆ แก้ปัญหาเบิก-จ่าย พร้อมหนุนไทยเป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมส์ ปี 2038
นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ แถลงนโยบายในการลงชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ โดยมีนายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทยฯ ,พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา เลขาธิการสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทยฯ, นายไทยทนุ วรรณสุข เลขาธิการสมาคมกีฬาลอนเทนนิสฯ นักกีฬาและอดีตนักเทนนิส, มวยสากลสมัครเล่น อาทิ “บอล” ภราดร ศรีชาพันธ์, “ปิ๊ก” ดนัย อุดมโชค, “บูม” กษิดิศ สำเร็จ, สนฉัตร-สรรค์ชัย รติวัฒน์ ,“บาส” สมรักษ์ คำสิงห์, ทวี อัมพรมหา, สมจิตร จงจอหอ,บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง,
ฯลฯ มาร่วมในการแถลงนโยบายครั้งนี้ด้วย อย่างคับคั่ง
นายสุชัย กล่าวว่า จากข่าวที่ออกมาว่าเรามีความขัดแย้งกัน กับแคนดิเดทคนอื่นที่ลงชิงตำแหน่งฯ ขอยืนยันว่าไม่ขัดแย้งกับใคร จุดเริ่นต้นในการเข้ามาลุ้นตำแหน่งประธานโอลิมปิคไทยในครั้งนี้ เพราะมีพรรคพวกชวนเข้ามา ส่วนตัวมองว่าการเข้ามาทำงานกีฬาต้องไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ ต้องมาทำกีฬาด้วยใจ ทำด้วยหัวใจเข้ามาต้องเสียสละ ถ้ามาเอาผลประโยชน์ ไม่ควรเข้ามา ยืนยันว่าเราไม่ไมีความขัดแย้งกันเพียงแต่มีความคิดที่แตกต่างกัน เราไม่ได้ขัดแย้งกัน ประเทศเราโชคดี ที่มีคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ไอโอซีเมมเบอร์ และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ เป็นคนที่ช่วยเหลือวงการกีฬาโลก และทำหลายอย่างให้วงการกีฬาไทย จึงเหมาะสมที่จะไปทำงานในวงการกีฬาโลก ส่วน ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ท่านเป็นคนที่มีคุณค่าของสังคม ของสร้างชื่อเสียงใน โอลิมปิกเกมส์ 2 สมัยหลังสุดสมาคมเทควันโดฯ สร้างชื่อเสียงสร้างนักกีฬาให้คว้าเหรียญทอง ให้กับประเทศส่วนตัวเองอยากเข้ามารับใช้ประเทศชาติ เป็นทางเลือกให้การกีฬาของประเทศ
“เราไม่ได้ขัดแย้งเพียงแต่มันเป็นกติกา เพราะทางพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตประธานคณะกรรมการโอลิมปิคไทยฯหมดวาระ ต้องมีการเลือกตั้งกันใหม่ มีหลายสมาคมทาบทาม ผมคิดว่าเราไม่ได้มีอะไรคิดว่าส่วนหนึ่งเรามาช่วยกันรับใช้ชาติ เพื่อเป็นทางเลือกของการกีฬา” บิ๊กสุชัย กล่าว
นายสุชัย กล่าวอีกว่า จากการอยู่ในวงการกีฬามากว่า 20 ปี เห็นได้ชัดว่าหลายสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยขาดเรื่องงบประมาณ และเบิกจ่ายได้ช้า มีบางสมาคมที่มาขอความช่วยเหลือในการส่งนักกีฬาไปแข่งขันต่างประเทศ จึงต้องช่วยเหลือกันไป และได้หารือกับผู้ใหญ่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) ไปแล้วว่าการเบิกจ่ายตามระเบียบราชการอาจจะไม่ทัน ตนจะมีการหาเงินจากภาคเอกชนมาเป็นกองทุนให้กับสมาคมต่างๆ ในการส่งแข่งขันประมาณ 100-200 ล้านบาท เพื่อช่วยสมาคมที่ไม่พร้อม แต่ยืนยันว่าไม่ได้นำเงินมาแจก ไม่ได้คิดว่าเป็นการซื้อเสียง หลังจากที่ กกท.อนุมัติแล้ว สามารถมาเบิกเงินจากกองทุนนี้ไปได้ก่อน เมื่อได้รับการเบิกจ่ายจากกกท.แล้ว ค่อยเอามาคืนกองทุน โดยในเรื่องนี้มีการปรึกษาในด้านกฎหมายในการดำเนินการ โดยจะทำการลงนามกัน 3 ฝ่าย คณะกรรมการโอลิมปิคฯ กกท. และสมาคมกีฬา
นายสุชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ อยากผลักดันให้ประเทศไทยกลับมาเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ หลังจากไม่ได้จัดมานาน ซึ่งก็น่าจะเป็นปี 2038 สำหรับตนแล้ว ตำแหน่งประธานโอลิมปิคไม่สำคัญเท่ากับทีมงาน ซึ่งมั่นใจว่าทีมงานของตนมีความแข็งแกร่งและมีคุณภาพ พร้อมที่จะทำงานเพื่อวงการกีฬาไทย สำหรับผมและทีมที่อาสาลงสมัครเลือกตั้งประธานและคณะกรรมการโอลิมปิควาระใหม่ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 25 มี.ค.นี้ ถือว่าขอให้เป็นหนึ่งในทางเลือกของแต่ละสมาคมกีฬา ในการแข่งขันเลือกตั้งที่เกิดขึ้นตามระบบประชาธิปไตย
ด้าน นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ในฐานะลูกชายของ “บิ๊กจา”พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ที่ล่วงลับไปแล้ว และได้ช่วยงานคุณพ่อมานาน จึงรู้จักคนในวงการกีฬาระดับนานาชาติ คณะกรรมการโอลิมปิคสากลและสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย อย่างกว้างขวาง การจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ในอนาคต จำเป็นต้องมีทีมงานที่แข็งแกร่ง เพราะตอนนี้มีเจ้าภาพ 3 ครั้งข้างหน้าแล้ว ไทยจะเสนอตัวได้ในครั้งที่ 22 ในปี 2038 มีหลายชาติที่สนใจเป็นเจ้าภาพเช่นกัน โดยเฉพาะชาติในเอเชียกลาง เติร์กเมนิสถาน, คาซัคสถาน เราจำเป็นต้องมีคีย์แมนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามก่อนที่จะออกไปแข็งแกร่งข้างนอก กีฬาในประเทศต้องแข็งแกร่งก่อน ดังนั้นการมีกองทุนแบบที่นายสุชัยว่ามาจะช่วยให้สมาคมกีฬาแข็งแรงขึ้นได้ในระยะยาว
สำหรับการเลือกตั้งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ จะมีขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ในเวลา 09.30 น