หากสังคมไทยยังไม่สามารถลุกขึ้นต่อต้านการคอร์รัปชันได้อย่างจริงจัง อาจไม่ใช่เพราะขาดข้อมูลหรือหลักฐาน แต่อาจเกิดจากการติดอยู่ในวงจรอันซับซ้อนของ ความกลัว ความสิ้นหวัง และความเคยชิน ซึ่งประสานกันอย่างแนบแน่นจนยากจะแยกออกจากกัน
1. ความกลัว: “อย่ามายุ่งกับเขา เดี๋ยวจะเดือดร้อน”
หลายคนกลัวการเปิดเผยความจริง เพราะเชื่อว่าการเปิดโปงผู้มีอำนาจอาจนำภัยมาถึงตัว ไม่ว่าจะเป็นการถูกกลั่นแกล้ง โดนฟ้อง หรือโดนเล่นงานทางอ้อม บางคนจึงเลือก “อยู่เฉย ๆ ดีกว่า” เพราะเห็นว่าไม่คุ้ม
2. ความสิ้นหวัง: “พูดไปก็เท่านั้น”
หลังจากที่เห็นคดีใหญ่ ๆ จบลงแบบไม่มีใครรับผิดชอบจริง หรือผู้กระทำผิดกลับมาเป็น “ผู้ทรงอิทธิพล” ได้อีก คนจำนวนมากจึงหมดศรัทธาในระบบยุติธรรม คำว่า “ระบบไม่ยุติธรรม” กลายเป็นข้อสรุปที่นำไปสู่ความเฉยเมยโดยปริยาย
3. ความเคยชิน: “ทุกคนก็โกง”
เมื่อได้ยินเรื่องการโกงจนชิน และไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ คนจำนวนมากเริ่มปรับตัวให้เข้ากับความจริงอันขมขื่นนั้น เช่น “ถ้าไม่โกง ก็อยู่ไม่ได้” หรือ “เราก็โกงแบบเล็ก ๆ พอ ๆ กัน” สิ่งนี้ทำให้ค่านิยม “ถูกคือถูก ผิดคือผิด” ถูกแทนที่ด้วย “ใครโกงเก่งกว่าก็ชนะ”
ทางออก: ต้องเริ่มจากความหวัง
การตัดวงจรนี้ต้องเริ่มจากการฟื้น “ความหวัง” — ความหวังว่าความยุติธรรมยังมีอยู่ ความหวังว่าคนดีสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน และความหวังว่าเสียงเล็ก ๆ จะกลายเป็นพลังใหญ่ได้
สนับสนุนสื่ออิสระและภาคประชาสังคม
ปกป้องผู้เปิดโปงข้อมูล (Whistleblower)
สอนเยาวชนให้รู้จักสิทธิ หน้าที่ และจริยธรรม
เปิดพื้นที่สาธารณะให้มีส่วนร่วมทางนโยบาย