แม้กฎหมายจะห้ามการพนันเกือบทุกประเภท แต่ในความเป็นจริง “การพนันผิดกฎหมาย” ยังคงแผ่ขยายอยู่ในแทบทุกพื้นที่ของประเทศไทย ตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงเครือข่ายข้ามชาติ กลายเป็นอาณาจักรเงาที่ยากจะควบคุม และมักเกี่ยวพันกับอิทธิพลมืดและทุนสีเทาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รูปแบบการพนันผิดกฎหมายที่พบมากในไทย
บ่อนเถื่อน
พบได้ในทั้งเขตเมืองและชนบท บางแห่งเปิดในรูปแบบ “ซ่อนตัว” เช่น ใต้โรงงาน โกดัง หรือชั้นล่างของตึกแถว ส่วนในเมืองใหญ่มีรายงานว่า บ่อนบางแห่งมีความทันสมัยระดับกาสิโนในต่างประเทศ
ข้อเท็จจริงน่าสนใจ: มีกรณี “บ่อนวีไอพี” ที่ให้บริการลูกค้าเฉพาะกลุ่ม พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา และการเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่บางหน่วยงาน
หวยใต้ดิน
ระบบนี้แข็งแรงมากจนรัฐไม่สามารถทำลายลงได้อย่างสิ้นเชิง แม้จะผิดกฎหมาย แต่กลับได้รับความนิยมสูงกว่าหวยรัฐในบางพื้นที่
ไพ่ ไฮโล และเกมพนันพื้นบ้าน
ยังคงพบในงานศพ งานชุมชน หรือตามบ้านพัก โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ที่ตำรวจ “รู้แต่ไม่จับ” หรือเรียกได้ว่าเป็นการ “อยู่ร่วมกัน” แบบไม่เป็นทางการ
พนันออนไลน์ผิดกฎหมาย
ในยุคดิจิทัล การเล่นพนันยิ่งง่ายขึ้น เว็บไซต์ต่างประเทศจำนวนมากเปิดให้บริการแบบไม่ต้องขออนุญาต ผ่านตัวแทนในไทยที่ทำการตลาดแบบมืออาชีพ
หลายเว็บใช้หน้ากากว่าเป็นเว็บกีฬา หรือเว็บเกม เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ
อิทธิพลของทุนสีเทาและเครือข่ายอาชญากรรม
การขยายตัวของการพนันผิดกฎหมายไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่มักมี “ทุนสีเทา” หนุนหลัง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจมืด องค์กรอาชญากรรม หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนที่มีส่วนร่วม
มีรายงานการ ฟอกเงิน ผ่านธุรกิจหน้าฉาก เช่น ร้านทอง ห้างสรรพสินค้า หรืออสังหาริมทรัพย์
การคุ้มครองจาก เจ้าหน้าที่รัฐบางฝ่าย ทำให้บ่อนเถื่อนดำเนินกิจการได้นานหลายปีโดยไม่ถูกรบกวน
กลุ่มผู้มีอิทธิพล ใช้บ่อนเป็นเครื่องมือสร้างคะแนนนิยมในพื้นที่
รัฐเสียอะไร?
รายได้ภาษีจำนวนมาก ที่ไม่สามารถเก็บจากกิจกรรมเหล่านี้ได้
ต้นทุนทางสังคม จากหนี้พนัน ปัญหาครอบครัว และอาชญากรรม
ความเชื่อมั่นต่อระบบกฎหมาย ที่ถูกสั่นคลอนจากการบังคับใช้แบบเลือกปฏิบัติ
ความย้อนแย้งที่ต้องขบคิด
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ “ห้ามเกือบทั้งหมด” แต่กลับมีการพนันผิดกฎหมายแพร่หลายอย่างเปิดเผย คำถามสำคัญคือ:
“เราควรปล่อยให้ทุนสีเทาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการพนันต่อไป
หรือถึงเวลาที่รัฐต้องควบคุมอย่างโปร่งใส และได้ประโยชน์ร่วมกัน?”